รีวิวซีรีส์ Mystic Pop-up Bar

"ฮวังจองอึม" ได้ชื่อว่าเป็น "นางเอกสามัญประจำบ้าน" เพราะเธอถือนักแสดงที่ชาวบ้านและผู้คนทั้งเกาหลีต่างหลงใหลและชื่นชมในผลงานของเธอมาตลอดสิบๆ ปีที่เข้ามาวงการมา ด้วยความที่เป็นนักแสดงที่ไม่ยึดติดบทบาท จะเล่นดราม่ารัดทนเจียนตายก็ได้ จะเล่นตลกโปกฮาไม่แคร์ภาพนางเอกก็ดี ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นหนึ่งในขวัญใจของคนทั้งประเทศ เว็บรีวิวหนังออนไลน์ฟรี

และผลงานเรื่องล่าสุดของเธอก็กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ในซีรีส์คอมมาดีแฟนตาซี "Mystic Pop-up Bar" ที่ดัดแปลงสร้างมาจากเว็บตูนชื่อดัง ที่สำคัญกำลังเป็นกระแสกล่าวถึงในเรื่องการแสดงและงานสร้างมากเลยทีเดียว อาจจะบอกได้ว่าเป็นซีรีส์เรื่องผีสางเทวดาก็ไม่ผิด เพราะเรื่องนี้ได้นำเอาหลักคุณธรรมความดีความชั่วของมนุษย์มาสอดแทรกเป็นเครื่องเตือนใจคนดูได้เป็นอย่างดี

Mystic Pop-up Bar เป็นเรื่องราวของบาร์ลับแล ที่ตั้งอยู่ข้างทาง มักจะเปิดรับลูกค้าเฉพาะคนในยามวิกาล "วอลจู" เป็นสาวปริศนาที่ค่อยให้บริการลูกค้าอยู่หน้าร้าน แต่เป้าหมายสู่สุดของเธอก็คือช่วยเหลือเยียวยาผู้คนในพ้นจากความทุกข์ โดยการเข้าไปแก้ปัญหาที่แผลใจของคนผ่านความฝัน เพราะสืบเนื่องจากได้รับบัญชามาจากท่านยมบาลที่ต้องแก้บาปสาหัสด้วยการช่วยผู้คนให้ครบแสนคน และหลังจากผ่านมากว่า 500 ปี นี่คือโค้งสุดท้ายในภารกิจของเธอ

ซีรีส์เรื่องนี้มีจำนวนตอนไม่เยอะ แค่ 12 ตอน ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในแฟลตฟอร์มใหม่ของซีรีส์เกาหลีสมัยใหม่ สร้างป้อนสตรีมมิออนไลน์มากกว่าเน้นเซอร์วิสทางทีวี แต่เนื้อหาก็มีความดีงามอยู่ในด้วย พร้อมกับทีมนักแสดงที่ค่อนข้างกำลังพอเหมาะพอดี ตอนนี้ก็ถึงแก่เวลาที่เราจะต้องมาชำแหละเรื่องนี้กันสักหน่อย

ฮวังจองอึม เธอคือตัวแม่ พราวเสน่ห์ และโดดเด่น

นี่แหละคือผลงานของมืออาชีพตัวจริงเสียงจริง ไม่แปลกใจจริงๆ ที่ชาวเกาหลีต่างเอ็นดูผู้หญิงที่ชื่อ "ฮวังจองอึม" ที่เห็นมาตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงเบอร์เล็กๆ ก้าวมาสู่แถวหน้าในปัจจุบัน มาในเรื่องนี้ก็เป็นซีรีส์แนวถนัดของเธอเช่นกัน มาพร้อมกับการได้แอคติ้งเว่อร์ๆ เกินๆ เล่นคอมมาดีแบบไม่ห่วงสวย แต่ก็ยังสวย นี่คือเสน่ห์ที่ผู้หญิงคนนี้มักจะส่งออกมาให้คนดูในผลงานของเธอ เราแทบจะเห็นเธอเล่นมาทุกบทบาทแล้ว ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้เลย ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหลักที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ ฮวังจองอึม ดาราสาวที่ขวัญใจคนตั้งแต่รากหญ้าไปถึงบนยอดตึก

บาปบุญคุณโทษนำมาเล่าเรื่องได้อย่างมีสไตล์

เอาจริงๆ ซีรีส์มาแบบสไตล์ "ฟ้ามีตา" ซิทคอมซีรีส์น้ำเสียงของอาดวงดาว อะไรทำนองนั้นเลย แต่มีการใส่ปมประเด็นในบท และหยิบเอาเรื่องบาปปุญคุณโทษที่มีอยู่ในทุกสังคม ทุกศาสนา และความเชื่อ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงมีลักษณะคล้ายๆ กับซีรีส์แบบจบในตอน แต่ละตอนจะมีเคสและเหตุการณ์ให้แก้ปัญหา รวมๆ ก็อาจจะคล้ายกับเรื่อง "Hotel del Luna" เมื่อปีก่อน แต่จะมีความเบาบางและเบาสมองกว่า ดีได้เพลินๆ ไม่มีพิษภัย ซ้ำยังสอดแทรกคุณธรรมข้อคิดกลับมายังคนดูได้อย่างชาญฉลาดด้วย และยังไหลลื่นด้วยการเล่าเรื่องเป็นหนึ่งในภารกิจที่ต้องผ่านไปให้ได้

แคสติ้งหลักแตกต่าง แต่ผนวกกันได้อย่างลงตัว

3 นักแสดงหลักของเรื่อง กลายเป็นความลงตัวแบบแปลกๆ ทั้งที่ต่างคนต่างมีภาพลักษณ์และคาแรกเตอร์ที่ไม่ค่อยเข้ากันเลย ฮวังจองกึม ก็จะให้การแสดงออกมาในแบบบ้าๆ บอๆ ตามวิถีของเธอ ในขณะที่ ยุกซองแจ มีภาพความเป็นไอดอล แต่เซ็ตบทให้เป็นคนกล้าๆ กลัวๆ และอายุยังน้อย และ ชเววอนยอง ดูเป็นลุคผู้ใหญ่กว่าทุกคน แต่บทบาทดูสบายๆ ออกไม่น่าเชื่อถือบางครั้ง แต่เมื่อทั้ง 3 คนมาอยู่ด้วยบนจอ กลายเป็นความลงตัวแบบที่สร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้อย่างน่าฉงน นี่จึงกลายเป็นแคสติ้งที่ลงตัว ทั้งที่ภาพดูเผินๆ พวกเขาดูจะไม่ค่อยเข้ากันเลยสักนิด

ประเด็นเรื่องหลักเหมือนจะไม่ลืม แต่ก็ลืมใส่ใจไป

เอาเป็นว่าดูไปแค่ 4 ตอนแรก อาจจะยังสรุปอะไรไปได้ไม่มากนัก อาจเป็นวิธีการเกริ่นเข้าสู่เนื้อหาหลักของเรื่องก็ได้ แค่จากที่เห็นดูเหมือนว่าซีรีส์จะมีประเด็นหลักเรื่องของวอลจูในอดีตชาติ ที่ผูกเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ และแน่นอนว่ามีผลต่อปัจจุบันของเธอ สาเหตุที่เธอต้องกลายมาเป็นวิญญาณที่ต้องมาชดใช้ช่วยเหลือคนอื่น แต่น่าเสียดายที่กลับยังไม่เห็นการเน้นกลับไปใส่ใจปมที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ มาเพียงแค่แว่บๆ ขัดใจหน่อยๆ แต่เชื่อว่ายิ่งฉายไปๆ ปมนี้น่าจะเปิดขึ้นออกมาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เหมือนจะลืมปมนั้น แต่วิธีเล่าเรื่องก็เหมือนจะยังลืมใส่ใจตรงนี้ไปนิด ทำให้คนดูต้องติดตามกันต่อไป

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง CITY OF LIES

แนะนำซีรีย์ : Lovers of the Red Sky (2021)

รีวิวหนัง App War แอปชนแอป